โพสต์วันนี้จะสั้นหน่อย เพราะไม่มีอะไรจะเขียนมากและเพิ่งไปวิ่งมา 5 กิโล เหนื่อย นอกจากนั้นโพสต์นี้อาจจะไม่เป็นที่สนใจกับใครมากนัก เพราะพูดถึงเสื้อผ้า ต่อให้เป็นผู้หญิงด้วยกัน ก็รสนิยมแตกต่างกันมากมาย ยิ่งผู้ชายไม่ต้องพูดถึง พูดซะขนาดนี้ไม่รู้ว่าอยากให้อ่านหรือไม่อยากให้อ่านกันแน่ ที่แน่ๆคนเขียนอยากโพสต์
จะบอกว่าทุกวันนี้ละเหี่ยใจกับเสื้อผ้าตามสมัยนิยมมาก คือ ทุกคนเป็นคุณหนูดุ๊งดิ๊งเหรอ ไม่ใช่ป่ะ ทำไมอะไรๆต้องสีพาสเทล ลายโบว์ ลัลล้า (ไม่เคยเห็น ให้ดูตามร้านใน Facebook ร้อยละ 99 เป็นแบบนี้ หรือไปเดินตลาดนัด เดินห้าง ทั้งนั้นแหละ อยากเอามาให้ดู แต่เดี๋ยวโดนข้อหาขโมยภาพ แถมขโมยมาด่านี่ คงโดนเยอะ ) เราเพลียจนหันมาแต่งตัวแหวกแนวอย่างเต็มรูปแบบ เดิมเราก็ซื้อเสื้อผ้าตามสมัยบ้างอะไรบ้างนะ แต่สมัยนี้ไม่ไหวจริงๆ จะว่าไปนอกจากเรื่องความนิยมชมชอบส่วนตัว อีกสิ่งหนึ่งที่เรารับไม่ได้จริงๆ คือ การที่เสื้อพวกนี้ล้วนใช้ผ้าใยสังเคราะห์ ซึ่งดิฉันขอแบน แบน แบน ในทุกกรณี ยกเว้นเสื้อผ้ากีฬา และ Outdoor ซึ่งมีวัตถุประสงค์เฉพาะ และที่แบนก็ไม่ใช่เพราะตอแหลรักโลก แต่เป็นเพราะมันร้อน ร้อน ร้อนมากเลยค่า สำหรับข้าพเจ้าผู้ไม่ใช่แค่ประหยัดแอร์ แต่หากไม่ร้อนจริงๆ ก็ประหยัดพัดลมด้วย การใส่เสื้อผ้าใยสังเคราะห์นี้นรกดีๆเลย นี่ไม่นับว่าไม่มีรถต้องไปยืนคอยรถสองแถว นั่งอบไอแดดและไอร้อนจากผู้อื่นในรถสองแถวอีก นรกค่ะ คุณ นรกดีๆ นี่เอง เหงื่อนี่ออกจนผ้ามันแนบติดชิดกับตัว และทะลุผ่านออกมา เป็นหยด ไหลตกติ๋งๆ เลยค่ะ แค่ครั้งเดียวก็เกินพอค่ะ ดิฉันไม่ตอแหลค่ะ ชีวิตชาวบ้านก็ชาวบ้าน การจะพยายามสร้างลุคคุณหนูบนรถสองแถวนอกจากจะเป็นการทรมานตัวเองโดยไร้เห ตุจนเป็นที่หัวเราะเยาะขบขันของผู้พบเห็นแล้ว ยังอาจถูกผู้คนหมั่นไส้ ไม่ลุกให้นั่งและไม่หลีกให้ลงได้ค่ะ สรุปคือ ใครจะใส่ก็ใส่ไป ส่วนดิฉันไม่เอื้อด้วยทั้งสังขาร หน้าตา และภาระค่ะ
ก่อนหน้านี้เคยถึงกับกังวลว่า แล้วเราจะใส่อะไรเนี่ย เสื้อที่มีอยู่ก็เริ่มเก่า จะไปซื้อของมาตุนในห้องในวันศุกร์ด้วยชุดทำงาน แล้วไม่ต้องออกไปไหนเลยนอนใส่ชุดนอนอยู่ในบ้านทุกเสาร์อาทิตย์ ก็ดูจะเป็นวิธีที่สุดโต่งจนเกินไป ก็เลยแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการซักมือเสื้อผ้าทุกตัว ซึ่งได้ผล ทำให้เสื้อผ้าเก่าช้าลง ซื้อเวลาไปก่อนได้ แต่ตามประสาผู้หญิง ผู้ซึ่งในแฟชั่นยุคก่อน เคยซื้อกระโปรงจตุจักรทีเดียว 8 ตัว เสื้ออีก 9 ตัว (เพราะหลายตัวได้ราคาถูกกว่า) และซื้อแทบทุกเดือน พอชีวิตกลับตาลปัตรก็ย่อมรู้สึกดีใจที่ประหยัดเงิน แต่ก็อดรู้สึกเศร้าโศกเล็กๆไม่ได้ และเศร้าขึ้นทุกครั้งที่ไปจตุจัตร แต่ไม่ได้ซื้ออะไรเลย แม้แต่อย่างเดียว ยกเว้นลูกบอลไม้นวดเท้าจากสมาคมมังสวิรัติ เพราะฉะนั้นความปิติยินดี เมื่อพบเสื้อผ้าร้านนี้จึงเป็นสิ่งที่ยากจะสื่อสารให้ทุกคนเข้าใจ ร้านนี้อยู่ในโซนของแพง ของจตุจักร โซนที่มีพื้นกระเบื้อง มีต้นไม้ตรงกลาง มีที่นั่ง คนขายส่วนใหญ่อายุน้อย ดูมีอันจะกิน แต่ร้านนี้ไม่ใช่ อย่างไรมาดูกัน
ร้านนี้คนขายเป็นคุณลุง หน้าตาคล้ายชาวเล แต่งตัวอารมณ์ บ๊อบ มาร์เลย์เล็กน้อย ชอบนอนหลับ เข้าไปก็ไม่ต้องปลุก เลือกก่อนถ้าจะเอาแล้วค่อยปลุก บอกตรงๆว่าเราเดินผ่านหลายรอบ แต่ไม่เคยแวะเลย เพราะคิดว่าขายฝรั่ง โก่งราคาแหงๆ ปรากฎว่าคิดผิด ลุงลดราคาให้เรามากมาย เช่น บอกเรา 450 ลดเหลือ 300 โดยเราไม่ได้ต่อซักคำ เสื้อผ้าเป็นเสื้อผ้ามัดย้อม ซึ่งมีข้อเสียคือสีตก ต้องซักมือ แต่เราซักมืออยู่แล้วก็เลยไม่ใช่ประเด็น เสื้อผ้าร้านนี้ผ้าดีมากๆ ใส่สบายมากๆ ไม่ร้อนเลย เราใส่เดินขึ้นเขามาแล้ว ตามรูป จริงๆ ชุดเค้าสวยนะ เราดันเอามาปู้ยี้ปู้ยำ ใส่กับเลกกิ้งลายบ้าๆบอๆ พร้อมถุงเท้ายาวอีก เสื้อเค้าเลยขายไม่ออกเพราะเรานี่แหละ เราชอบร้านนี้อีกอย่างคือ เราไปห่างกันแค่สองเดือน เสื้อเค้าเปลี่ยนไปหมดทั้งร้านทุกครั้งเลย ลายเป็น แบบเปลี่ยน เปลี่ยนใหม่หมด คิดแบบใหม่ๆอยู่ตลอด ไม่เหมือนร้านเสื้อยืดบางร้านแถวไหน 3 ปี ยังขายแต่ลายเดิม
เสื้อผ้าแบบนี้ ก็คล้ายเสื้อผ้าคุณหนูและเสื้อผ้าเกือบทุกแบบ คือก็เหมาะกับบางคน และไม่เหมาะกับหลายๆคน แต่เราว่ามันเหมาะกับเรา และทำให้เราได้ซื้อเสื้อผ้าใหม่แล้ว เย้ จริงๆ นอกจากเสื้อผ้ามัดย้อมแล้ว กางเกงชาวเขาก็ใส่สบายมากๆเลย แต่เราไม่รู้ว่าซื้อที่ไหน ป้าให้มา หาซื้อเองก็ไม่ดีเท่า (แต่ป้าอาจซื้อมาตัวละพัน เราซื้อ 150) ไว้ไปเที่ยวเชียงใหม่ ถ้าเจอแล้วจะมา Saywow เล่าให้ฟังค่ะ
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน Namfonsayswow ตอนที่ค่อนข้างจะส่วนตัว และไม่ค่อยมีประโยชน์กับใครอย่างตอนนี้นะคะ ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
จะบอกว่าทุกวันนี้ละเหี่ยใจกับเสื้อผ้าตามสมัยนิยมมาก คือ ทุกคนเป็นคุณหนูดุ๊งดิ๊งเหรอ ไม่ใช่ป่ะ ทำไมอะไรๆต้องสีพาสเทล ลายโบว์ ลัลล้า (ไม่เคยเห็น ให้ดูตามร้านใน Facebook ร้อยละ 99 เป็นแบบนี้ หรือไปเดินตลาดนัด เดินห้าง ทั้งนั้นแหละ อยากเอามาให้ดู แต่เดี๋ยวโดนข้อหาขโมยภาพ แถมขโมยมาด่านี่ คงโดนเยอะ ) เราเพลียจนหันมาแต่งตัวแหวกแนวอย่างเต็มรูปแบบ เดิมเราก็ซื้อเสื้อผ้าตามสมัยบ้างอะไรบ้างนะ แต่สมัยนี้ไม่ไหวจริงๆ จะว่าไปนอกจากเรื่องความนิยมชมชอบส่วนตัว อีกสิ่งหนึ่งที่เรารับไม่ได้จริงๆ คือ การที่เสื้อพวกนี้ล้วนใช้ผ้าใยสังเคราะห์ ซึ่งดิฉันขอแบน แบน แบน ในทุกกรณี ยกเว้นเสื้อผ้ากีฬา และ Outdoor ซึ่งมีวัตถุประสงค์เฉพาะ และที่แบนก็ไม่ใช่เพราะตอแหลรักโลก แต่เป็นเพราะมันร้อน ร้อน ร้อนมากเลยค่า สำหรับข้าพเจ้าผู้ไม่ใช่แค่ประหยัดแอร์ แต่หากไม่ร้อนจริงๆ ก็ประหยัดพัดลมด้วย การใส่เสื้อผ้าใยสังเคราะห์นี้นรกดีๆเลย นี่ไม่นับว่าไม่มีรถต้องไปยืนคอยรถสองแถว นั่งอบไอแดดและไอร้อนจากผู้อื่นในรถสองแถวอีก นรกค่ะ คุณ นรกดีๆ นี่เอง เหงื่อนี่ออกจนผ้ามันแนบติดชิดกับตัว และทะลุผ่านออกมา เป็นหยด ไหลตกติ๋งๆ เลยค่ะ แค่ครั้งเดียวก็เกินพอค่ะ ดิฉันไม่ตอแหลค่ะ ชีวิตชาวบ้านก็ชาวบ้าน การจะพยายามสร้างลุคคุณหนูบนรถสองแถวนอกจากจะเป็นการทรมานตัวเองโดยไร้เห ตุจนเป็นที่หัวเราะเยาะขบขันของผู้พบเห็นแล้ว ยังอาจถูกผู้คนหมั่นไส้ ไม่ลุกให้นั่งและไม่หลีกให้ลงได้ค่ะ สรุปคือ ใครจะใส่ก็ใส่ไป ส่วนดิฉันไม่เอื้อด้วยทั้งสังขาร หน้าตา และภาระค่ะ
ก่อนหน้านี้เคยถึงกับกังวลว่า แล้วเราจะใส่อะไรเนี่ย เสื้อที่มีอยู่ก็เริ่มเก่า จะไปซื้อของมาตุนในห้องในวันศุกร์ด้วยชุดทำงาน แล้วไม่ต้องออกไปไหนเลยนอนใส่ชุดนอนอยู่ในบ้านทุกเสาร์อาทิตย์ ก็ดูจะเป็นวิธีที่สุดโต่งจนเกินไป ก็เลยแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการซักมือเสื้อผ้าทุกตัว ซึ่งได้ผล ทำให้เสื้อผ้าเก่าช้าลง ซื้อเวลาไปก่อนได้ แต่ตามประสาผู้หญิง ผู้ซึ่งในแฟชั่นยุคก่อน เคยซื้อกระโปรงจตุจักรทีเดียว 8 ตัว เสื้ออีก 9 ตัว (เพราะหลายตัวได้ราคาถูกกว่า) และซื้อแทบทุกเดือน พอชีวิตกลับตาลปัตรก็ย่อมรู้สึกดีใจที่ประหยัดเงิน แต่ก็อดรู้สึกเศร้าโศกเล็กๆไม่ได้ และเศร้าขึ้นทุกครั้งที่ไปจตุจัตร แต่ไม่ได้ซื้ออะไรเลย แม้แต่อย่างเดียว ยกเว้นลูกบอลไม้นวดเท้าจากสมาคมมังสวิรัติ เพราะฉะนั้นความปิติยินดี เมื่อพบเสื้อผ้าร้านนี้จึงเป็นสิ่งที่ยากจะสื่อสารให้ทุกคนเข้าใจ ร้านนี้อยู่ในโซนของแพง ของจตุจักร โซนที่มีพื้นกระเบื้อง มีต้นไม้ตรงกลาง มีที่นั่ง คนขายส่วนใหญ่อายุน้อย ดูมีอันจะกิน แต่ร้านนี้ไม่ใช่ อย่างไรมาดูกัน
ร้านนี้คนขายเป็นคุณลุง หน้าตาคล้ายชาวเล แต่งตัวอารมณ์ บ๊อบ มาร์เลย์เล็กน้อย ชอบนอนหลับ เข้าไปก็ไม่ต้องปลุก เลือกก่อนถ้าจะเอาแล้วค่อยปลุก บอกตรงๆว่าเราเดินผ่านหลายรอบ แต่ไม่เคยแวะเลย เพราะคิดว่าขายฝรั่ง โก่งราคาแหงๆ ปรากฎว่าคิดผิด ลุงลดราคาให้เรามากมาย เช่น บอกเรา 450 ลดเหลือ 300 โดยเราไม่ได้ต่อซักคำ เสื้อผ้าเป็นเสื้อผ้ามัดย้อม ซึ่งมีข้อเสียคือสีตก ต้องซักมือ แต่เราซักมืออยู่แล้วก็เลยไม่ใช่ประเด็น เสื้อผ้าร้านนี้ผ้าดีมากๆ ใส่สบายมากๆ ไม่ร้อนเลย เราใส่เดินขึ้นเขามาแล้ว ตามรูป จริงๆ ชุดเค้าสวยนะ เราดันเอามาปู้ยี้ปู้ยำ ใส่กับเลกกิ้งลายบ้าๆบอๆ พร้อมถุงเท้ายาวอีก เสื้อเค้าเลยขายไม่ออกเพราะเรานี่แหละ เราชอบร้านนี้อีกอย่างคือ เราไปห่างกันแค่สองเดือน เสื้อเค้าเปลี่ยนไปหมดทั้งร้านทุกครั้งเลย ลายเป็น แบบเปลี่ยน เปลี่ยนใหม่หมด คิดแบบใหม่ๆอยู่ตลอด ไม่เหมือนร้านเสื้อยืดบางร้านแถวไหน 3 ปี ยังขายแต่ลายเดิม
เสื้อผ้าแบบนี้ ก็คล้ายเสื้อผ้าคุณหนูและเสื้อผ้าเกือบทุกแบบ คือก็เหมาะกับบางคน และไม่เหมาะกับหลายๆคน แต่เราว่ามันเหมาะกับเรา และทำให้เราได้ซื้อเสื้อผ้าใหม่แล้ว เย้ จริงๆ นอกจากเสื้อผ้ามัดย้อมแล้ว กางเกงชาวเขาก็ใส่สบายมากๆเลย แต่เราไม่รู้ว่าซื้อที่ไหน ป้าให้มา หาซื้อเองก็ไม่ดีเท่า (แต่ป้าอาจซื้อมาตัวละพัน เราซื้อ 150) ไว้ไปเที่ยวเชียงใหม่ ถ้าเจอแล้วจะมา Saywow เล่าให้ฟังค่ะ
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน Namfonsayswow ตอนที่ค่อนข้างจะส่วนตัว และไม่ค่อยมีประโยชน์กับใครอย่างตอนนี้นะคะ ขอบคุณที่ติดตามค่ะ